วันอังคารที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2555

ความรู้เบื้องต้น ธุรกิจอพาร์ทเมนท์ให้เช่า Apartment for Rent


 ที่พักอาศัยเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์จากสภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน  ประชากรมีการเคลื่อนย้ายที่อยู่อาศัยด้วยเหตุผลต่างๆ เช่น เพื่อศึกษาต่อของผู้ที่มีภูมิลำเนาอยู่ต่างจังหวัด  เพื่อความสะดวกสบายและประหยัดเวลาในการเดินทางไปที่ทำงานหรือสถานศึกษา  เป็นต้น  ปัจจัยเหล่านี้เป็นสาเหตุให้ธุรกิจที่พักอาศัยให้เช่าเกิดขึ้นอย่างมากมายทั่วประเทศ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจังหวัดที่เป็นจุดศูนย์รวมของแหล่งงาน เขตอุตสาหกรรม และสถานศึกษา เช่น กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ไปจนถึงจังหวัดใหญ่ๆ
ประเภทที่อยู่อาศัยให้เช่า
        ที่อยู่อาศัยให้เช่าสามารถแบ่งได้เป็น 5 ประเภท ซึ่งแต่ละประเภทมีความแตกต่างกัน ดังนี้
        หอพัก มีลักษณะเป็นอาคารพาณิชย์ หรือเป็นอาคารก่อสร้างที่มีจำนวนชั้นไม่เกิน 4 ชั้น แบ่งเป็น
ห้องเล็กๆ และจัดเป็นสัดส่วน ตามปกติผู้เช่าต้องใช้ห้องน้ำร่วมกัน ที่อยู่อาศัยแบบนี้จะตั้งอยู่ใกล้กับสถานศึกษา แหล่งชุมชน และเขต
อุตสาหกรรม เป็นต้น
        บ้านเช่า ผู้ให้เช่าอาจใช้บ้านเดี่ยวหรือทาวน์เฮ้าส์ มากั้นบ้านแบ่งเป็นห้องๆ โดยคิดอัตราค่าเช่าตามขนาดห้องที่กั้นไว้  ซึ่งผู้เช่าสามารถใช้ห้องครัว ห้องนั่งเล่น และห้องน้ำร่วมกับผู้ให้เช่า แต่ในบางกรณีผู้ให้เช่าอาจเสนอให้ผู้เช่าเช่าบ้านทั้งหลัง  โดยคิดอัตราค่าเช่าตามขนาดของบ้าน และทำเลที่ตั้งนั้นๆ
        แฟลต เป็นอาคารที่พักที่มีขนาดห้องเท่าๆ กัน หน่วยงานรัฐสร้างขึ้นเพื่อเป็นสวัสดิการแก่หน้าที่ของหน่วยงาน  โดยผู้เช่าจะเสียค่าเช่าในอัตราที่ต่ำกว่าที่อยู่อาศัยให้เช่าแบบอื่นๆ แต่สำหรับแฟลตการ
เคหะแห่งชาตินั้น  เป็นอาคารอาศัยที่การเคหะสร้างขึ้นเพื่อเปิดโอกาสให้ข้าราชการและบุคคลที่มีรายได้น้อยได้เช่าซื้อ และครอบครองกรรมสิทธิ์โดยสมบูรณ์ภายหลังการชำระเงินตามเงื่อนไขอย่างครบถ้วน
        อาคารชุดหรือคอนโดมิเนียม เป็นอาคารสูงที่ถูกสร้างขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขายให้แก่กลุ่มเป้าหมายที่มีฐานะ ซึ่งอาจซื้อเพื่อการอยู่อาศัยเอง หรือขายต่อเพื่อผลประโยชน์ด้านธุรกิจ หรือเสนอให้เช่าต่ออีกทอดหนึ่ง
        อพาร์ทเมนต์ เป็นอาคารที่อยู่อาศัยซึ่งมีความสูงตั้งแต่ 4 ชั้นขึ้นไป มีหลายห้องในอาคารเดียวกัน ไม่มีการจำหน่ายห้องเหมือนแฟลตหรือคอนโดมิเนียม เพราะการสร้างอพาร์ทเมนต์มีวัตถุประสงค์เพื่อประกอบกิจการให้เช่าโดยเฉพาะ อพาร์ทเมนต์มุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมาย 2 กลุ่ม โดยแยกตามรายได้และทำเลที่ตั้งเป็นสำคัญ คือ
                อพาร์ทเมนต์สำหรับผู้ที่มีรายได้น้อย อาคารมีลักษณะคล้ายกับแฟลต พื้นที่ใช้สอยมีเพียงห้องนอนและห้องน้ำเท่านั้น ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในแหล่งชุมชน
                อพาร์ทเมนต์สำหรับผู้ที่มีรายได้ปานกลางถึงรายได้สูง อาคารมีขนาดพื้นที่ใช้สอยมากกว่าอพาร์ทเมนต์สำหรับผู้ที่มีรายได้น้อย และมีความคล้ายคลึงกับอาคารชุดหรือคอนโดมิเนียม คือ มีห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องครัว และห้องน้ำ ดังนั้น อัตราค่าเช่าจึงใกล้เคียงกับห้องชุดของคอนโดมิเนียม อพาร์ทเมนต์ระดับดังกล่าวมักตั้งอยู่ในย่านธุรกิจ
                เนื่องจากที่อยู่อาศัยในรูปแบบของการให้เช่ามีหลายลักษณะ หลายราคา และหลายกลุ่มเป้าหมาย การดำเนินธุรกิจจึงมีความแตกต่างกัน สำหรับ บทความนี้จะมุ่งศึกษาความรู้เบื้องต้นของธุรกิจที่อยู่อาศัยในรูปแบบของ อพาร์ทเมนต์ให้เช่าโดยเฉพาะเท่านั้น
ส่วนแบ่งการตลาด
        ธุรกิจอพาร์ทเมนต์ให้เช่าในตลาด จำแนกออกเป็นระดับต่างๆ ดังนี้
                ระดับพิเศษ (Deluxe) อพาร์ทเมนต์ให้เช่าระดับพิเศษนี้ โดยส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในเขตธุรกิจการค้าใจกลางเมือง เช่น ถนนสุขุมวิท สาทร สีลม ลาดพร้าว ภายในห้องพักประกอบไปด้วย ห้องพักที่ตกแต่งอย่างสวยงามหรูหราตั้งแต่ 3 ห้องขึ้นไป ห้องรับแขก ห้องนั่งเล่น ห้องเตรียมอาหาร และห้องน้ำ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น โทรทัศน์ เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น เครื่องนอน ตู้เสื้อผ้า พรม ฯลฯ นอกจากนี้ภายในอพาร์ทเมนต์ให้เช่ายังมีบริการต่างๆ ไว้คอยอำนวยความสะดวกแก่ผู้เช่าพัก เช่น บริการซัก-รีด ห้องออกกำลังกาย สระว่ายน้ำ ร้านอาหาร ร้านหนังสือ ที่จอดรถ เป็นต้น
                ระดับสูง (First class) อพาร์ทเมนต์ให้เช่าระดับนี้ส่วนใหญ่ตั้งอยู่บริเวณถนนสุขุมวิท อโศก สีลม สาทร และเพชรบุรี การตกแต่งห้องพักสวยงามหรูหราใกล้เคียงกับอพาร์ทเมนต์ระดับพิเศษ (Deluxe) แต่มีขนาดพื้นที่ใช้สอยภายในห้องพักน้อยกว่า มีสิ่งอำนวยความสะดวกแก่ผู้เช่าพัก เช่น โทรทัศน์ เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น เครื่องนอน ตู้เสื้อผ้า ฯลฯ นอกจากนี้ ภายในอพาร์ทเมนต์ให้เช่ายังมีบริการอื่นๆ เช่น บริการซัก-รีด ห้องออกกำลังกาย สระว่ายน้ำ ร้านอาหาร ร้านขายหนังสือ ที่จอดรถ เป็นต้น
                ระดับกลาง (Middle class) อพาร์ทเมนต์ให้เช่าระดับกลางส่วนใหญ่ตั้งอยู่ไม่ห่างจากย่านธุรกิจการค้ามากนัก มีความสะดวกในการเดินทางเข้า-ออกอพาร์ทเมนต์ ภายในห้องพักประกอบด้วย ห้องพักประมาณ 1-2 ห้อง ห้องรับแขก ห้องเตรียมอาหาร แต่มีขนาดเล็กและความหรูหราน้อยกว่าอพาร์ทเมนต์ระดับสูง (frist class) มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่สำคัญ ได้แก่ โทรศัพท์ ตู้เสื้อผ้า เครื่องปรับอากาศ เครื่องนอน ตู้เย็น นอกจากนี้ อพาร์ทเมนต์ให้เช่ายังมีบริการอื่นๆ เช่น สระว่ายน้ำ ที่จอดรถ ร้านอาหาร เป็นต้น ไว้อำนวยความสะดวกแก่ผุ้เช่าพัก
                ระดับธรรมดา (Low middle class) อพาร์ทเมนต์ให้เช่าระดับนี้ส่วนใหญ่อยุ่บริเวณถนนพหลโยธิน รัชดา พระโขนง ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากย่านธุรกิจการค้าเท่าใดนัก มีความสะดวกในการเดินทางเข้า-ออก อพาร์ทเมนต์ ภายในห้องพักประกอบด้วย ห้องพัก 1 ห้องนอน ห้องรับแขก ห้องเตรียมอาหาร และห้องน้ำขนาดเล็ก พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น โทรทัศน์ เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น เครื่องนอน ตู้เสื้อผ้า นอกจากนี้ อพาร์ทเมนต์ให้เช่ายังมีบริการอื่นๆ เช่น สระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย ร้านอาหาร บริการซัก-รีด ที่จอดรถ เป็นต้น ไว้คอยอำนวยความสะดวกแก่ผู้เช่าพัก
                ระดับล่าง (Low class) อพาร์ทเมนต์ให้เช่าระดับนี้มักตั้งอยู่บริเวณเขตหัวหมาก บางกะปิ พระโขนง งามวงศ์วาน ฝั่งธนบุรี และมักตั้งอยู่ในซอย การเข้าออกจึงไม่สะดวกเท่าที่ควร ห้องพักภายในอพาร์ทเมนต์ประกอบด้วย ห้องเพียงห้องเดียวที่เป็นทั้งห้องนอน ห้องรับแขก ห้องนั่งเล่น ห้องเตรียมอาหาร โดยมีห้องน้ำแยกต่างหากออกจากตัวห้อง ภายในห้องมีสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น โทรทัศน์ เครื่องปรับอากาศ พัดลมเพดาน เครื่องนอน ตู้เสื้อผ้า อพาร์ทเมนต์ระดับนี้มักไม่มีบริการพิเศษอื่นๆ นอกจากสถานที่จอดรถ ซึ่งโดยมากจะมีไม่เพียงพอกับจำนวนห้องของอาคาร
กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
        ลูกค้าเป้าหมายของธุรกิจอพาร์ทเมนต์ให้เช่าแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ ตามระดับรายได้ ได้แก่
          กลุ่มลูกค้าที่มีระดับรายได้สูง คือ มีระดับรายได้เฉลี่ยเดือนละตั้งแต่ 40,000 บาท ขึ้นไป ลูกค้ากลุ่มนี้มีทั้งผู้ที่มีภูมิลำเนาในต่างจังหวัดและผู้ที่มีบ้านพักอาศัยอยู่ไกลจากสถานที่ทำงาน พฤติกรรมของลูกค้าส่วนใหญ่ต้องการความเป็นส่วนตัวในการเช่าพัก จึงเลือกเช่าอพาร์ทเมนต์ระดับพิเศษ (Deluxe) อพาร์ทเมนต์ระดับสูง (First class) ซึ่งเป็นห้องพักที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีการตกแต่งห้องพักหรูหรามีระบบความปลอดภัยที่ดี มีทำเลตั้งอยู่ในย่านธุรกิจการค้า และสามารถเดินทางไปทำงานได้สะดวก กลุ่มลูกค้าที่มีระดับรายได้สูง เช่น
·         เจ้าหน้าที่บริหารระดับกลางถึงระดับสูงของบริษัทเอกชน
·         เจ้าหน้าที่สายการบินต่างๆ
·         พนักงานเอกชนที่มีรายได้สูง
·         ชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย เป็นต้น
           กลุ่มลูกค้าที่มีระดับรายได้ปานกลาง คือ มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนตั้งแต่ 20,000 บาทขึ้นไป ลูกค้ากลุ่มนี้โดยส่วนใหญ่มีภูมิลำเนาอยู่ในต่างจังหวัดหรือมีบ้านพักอาศัยอยู่ไกลจากที่ทำงานหรือสถานศึกษา ลูกค้าส่วนใหญ่จึงเลือกอพาร์ทเมนต์ให้เช่าที่เดินทางไปสถานศึกษาและที่ทำงานได้สะดวก มีสิ่งอำนวยความสะดวกในห้องพักอย่างครบครัน และมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดี กลุ่มลูกค้าที่มีระดับรายได้ปานกลาง เช่น
·         พนักงานบริษัทเอกชน
·         นักเรียนหรือนักศึกษามหาวิทยาลัยที่มีฐานะดี
·         ผู้ที่ประกอบอาชีพอิสระ เช่น นักแสดง นักร้อง เป็นต้น
            กลุ่มลูกค้าที่มีระดับรายได้น้อย คือ มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนตั้งแต่ 5,000-10,000 บาทขึ้นไป กลุ่มลูกค้าที่มีรายได้น้อย โดยส่วนใหญ่มีภูมิลำเนาอยู่ต่างจังหวัด แต่เข้าประกอบอาชีพหรือศึกษาต่อในเขตเมืองใหญ่ ลูกค้าจึงเลือกห้องพักที่มีราคาถูก สะดวกต่อการเดินทางไปสถานศึกษาและที่ทำงาน ทำเลตั้งอยู่ในย่านชุมชน เช่น ตลาดสด ห้างสรรพสินค้า เป็นต้น และมีระบบรักษาความปลอดภัยดีพอสมควร กลุ่มลูกค้าที่มีรายได้น้อย เช่น
·         นักเรียน นักศึกษา
·         พนักงานโรงงาน พนักงานบริษัทในย่านชานเมือง
·         พนักงานบริการอาหารในโรงแรม ร้านอาหาร ภัตตาคาร แม่ค้าในตลาดสด
·         ประชาชนทั่วไปที่มีภูมิลำเนาในต่างจังหวัด
ทำเลที่ตั้งอพาร์ตเม้นต์
                ทำเลที่ตั้งเป็นเรื่องที่ผู้ประกอบการต้องคำนึงถึงเป็นอันดับแรก ธุรกิจอพาร์ทเมนต์ให้เช่าควรตั้งอยู่ในแหล่งชุมชนต่างๆ เช่น
·         นิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ทั่วประเทศเพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่ทำงานอยู่ในนิคมอุตสาหกรรม เช่น นิคมอุตสาหกรรมนวนคร นิคมอุสาหกรรมอมตะนคร นิคมอุตสาหกรรมไฮเทค เป็นต้น
·         ย่านธุรกิจการค้าใจกลางเมืองเช่น สีลม สาทร ลาดพร้าว เป็นต้น เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมีบริษัท ห้างสรรพสินค้า ตั้งอยู่เป็นจำนวนมาก แต่พนักงานที่ทำงานอยู่ในย่านดังกล่าว มักประสบปัญหาใช้เวลาในการเดินทางนาน ธุรกิจอพาร์ทเมนต์ให้เช่าจึงเกิดขึ้นเพื่อรองรับลูกค้าที่ต้องการความสะดวกในการเดินทางไปทำงาน
·         บริเวณที่สถานศึกษาตั้งอยู่นักเรียน-นักศึกษาส่วนหนึ่ง ได้เดินทางไปศึกษาต่อตามสถานศึกษาต่างๆ ซึ่งห่างไกลจากบ้านของตนเอง อพาร์ทเมนต์จึงเกิดขึ้นเพื่อรองรับความต้องการดังกล่าว
·         ทำเลที่มีอพาร์ทเมนต์ให้เช่าตั้งอยู่เป็นจำนวนมากเนื่องจากการตัดสินใจเลือกเช่าห้องพักจะคล้ายคลึงกับการเลือกซื้อสินค้าทั่วไป คือหากต้องการซื้อผ้า ผู้ซื้อส่วนหนึ่งมักไปที่ย่านสำเพ็ง หรือต้องการซื้ออะไหล่เครื่องยนต์มือสอง ก็ไปที่เชียงกง เป็นต้น เช่นเดียวกับการหาห้องเช่าใหม่ ผู้เช่าส่วนหนึ่งนิยมเช่าห้องพักในแหล่งที่มีอพาร์ทเมนต์ให้เช่าเป็นจำนวนมาก
               นอกจากการเลือกทำเลจากแหล่งชุมชนแล้ว ผู้ประกอบการยังควรพิจารณาปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ประกอบด้วย เช่น ความสะดวกสบายในการเดินทางของลูกค้า สถานที่จับจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค และสภาพแวดล้อมบริเวณโดยรอบอพาร์ทเมนต์ให้เช่า เป็นต้น เพราะปัจจัยแวดล้อมเหล่านี้ผู้เช่าใช้ประกอบการตัดสินใจเลือกเช่าอพาร์ทเมนต์ นอกจากนี้ผู้ประกอบการควรพิจารณาว่า ช่องว่างทางการตลาดยังมีเหลือให้แทรกตัวเข้าไปประกอบธุรกิจอีกหรือไม่ เพื่อป้องกันมิให้เกิดการแข่งขันด้านราคาขึ้นระหว่างธุรกิจอพาร์ทเมนต์ให้เช่าในบริเวณใกล้เคียง
ปัจจัยที่ทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ
                ธุรกิจอพาร์ทเมนต์ให้เช่าจะประสบความสำเร็จได้ด้วยดี ต้องประกอบด้วยปัจจัยดังต่อไปนี้
·         มีแหล่งเงินทุนของตนเองหรือได้แหล่งเงินกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยถูก
·         มีทำเลที่ตั้งดีอยู่ในแหล่งธุรกิจ แหล่งชุมชน หรือเป็นแหล่งอพาร์ทเมนให้เช่าจำนวนมาก และเดินทางได้สะดวกรวดเร็ว
·         มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีสำหรับผู้เช่าพักเช่น จัดให้มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอดเวลา จัดระบบเข้า-ออกด้วยบัตรรหัสผ่าน (Key Card) เป็นต้น
·         มีระบบรักษาความสะอาดโดยการจัดให้มีพนักงานทำความสะอาด ดูแลรักษาความเรียบร้อยทั้งบริเวณภายในและภายนอกอพาร์ทเมนต์ รวมถึงมีระบบขจัดขยะมูลฝอยที่ถูกสุขลักษณะ
·         อัตราค่าเช่ามีความเหมาะสมกับห้องพักและทำเลที่ตั้งผู้เช่าบางรายจะให้ความสำคัญเรื่องราคารองลงมาจากเรื่องทำเลที่ตั้ง การตั้งราคาที่เหมาะสมจึงเป็นกลยุทธ์ที่สามารถแข่งขันได้
·         ปรับปรุงอาคารให้มีความใหม่อยู่เสมอเพราะนอกจากจะสร้างความสวยงามน่าพักอาศัยให้กับอพาร์ทเมนต์ให้เช่าแล้ว ยังช่วยสร้างความพึงพอใจให้แก่ผู้เช่ารายเดิมและสร้างความประทับใจแก่ผู้เช่ารายใหม่ที่กำลังมองหาอพาร์ทเมนต์ให้เช่า
·         ให้บริการที่รวดเร็วแก่ผู้เช่าโดยเฉพาะการซ่อมแซมอุปกรณ์ที่ชำรุดและเสียหายเช่น ฝักบัว หลอดไฟ ลิฟต์ เป็นต้น
·         มีอัธยาศัยดี ยิ้มแย้มแจ่มใส และให้บริการกับผู้เช่าทุกระดับอย่างเท่าเทียมกัน
·         มีสภาพห้องพักที่เหมาะสมไม่ว่าจะเป็นเรื่องขนาดของห้องพัก สิ่งอำนวยความสะดวก และการระบายอากาศที่ดีภายในห้องพัก
·         สภาพแวดล้อมบริเวณอพาร์ทเมนต์โดยรอบมีความร่มรื่นสวยงาม เงียบสงบ ปราศจากเสียงรบกวนทั้งจากภายนอกและภายในอพาร์ทเมนต์ให้เช่า
พฤติกรรมการตัดสินใจเลือกเช่าอพาร์ทเมนต์ของผู้บริโภค
                การตัดสินใจเช่าอพาร์ทเมนต์ของผู้เช่า มาจากปัจจัยต่างๆ เช่น
·         ทำเลที่ตั้งดี สะดวกต่อการเดินทาง นับเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้เช่ามักใช้ประกอบการตัดสินใจเลือกเช่า หากอพาร์ทเมนต์ให้เช่าอยู่ในทำเลที่ตั้งดี เช่น ในเขตชุมชน ใกล้ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล สถานศึกษา ฯลฯ ก็จะช่วยดึงดูดผู้เช่าได้มากยิ่งขึ้น
·         สภาพแวดล้อมบริเวณที่ตั้งอพาร์ทเมนต์ หากบริเวณโดยรอบที่ตั้งอพาร์ทเมนต์ให้เช่ามีความสงบเงียบ ปราศจากเสียงรบกวนแต่สะดวกต่อการจับจ่ายซื้อหาเครื่องอุปโภคบริโภค ก็จะทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจได้ง่ายขึ้นเช่นกัน
·         รูปแบบอพาร์ทเมนต์ให้เช่ามีความสวยงามและทันสมัย ลูกค้าจะเกิดความประทับใจนับตั้งแต่แรกเห็น กระทั่งตัดสินใจเข้าชมภายในห้องพักต่อไป
·         ความสะอาดเรียบร้อยภายในห้องพัก มีการจัดห้องพักให้น่าอยู่มีแสงสว่างที่เพียงพอ และมีอากาศที่ถ่ายเทสะดวก
·         สิ่งอำนวยความสะดวกในห้องพัก ผู้ประกอบการควรจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานที่จำเป็นต่อการพักอาศัยไว้ให้กับลูกค้า เช่น เตียง ที่นอน โต๊ะเครื่องแป้ง ตู้เสื้อผ้า พัดลม เครื่องปรับอากาศ เครื่องทำน้ำอุ่น เป็นต้น
·         อัตราค่าเช่าพัก ขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้งของอพาร์ทเมนต์ให้เช่ารวมถึงรายได้ของผู้เช่าแต่หากเป็นราคาที่เหมาะสม ผู้เช่าก็จะตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
·         ระบบรักษาความปลอดภัยที่ได้มาตรฐาน โดยพื้นฐานผู้เช่าพักอาศัยย่อมต้องการความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ดังนั้น ระบบรักษาความปลอดภัยจึงเป็นสิ่งหนึ่งที่ผู้เช่านำมาพิจารณาประกอบการตัดสินใจ
สาเหตุที่ทำให้ผู้เช่าย้ายไปเช่าห้องพักที่ใหม่
       การที่ผู้เช่าย้ายไปเช่าอพาร์ทเมนต์ที่ใหม่ ส่วนใหญ่จะมาจากสาเหตุดังต่อไปนี้ (พิราพร, 2544)
·         อพาร์ทเมนต์ที่ใหม่มี ราคาห้องพักที่ถูกว่าอพาร์ทเมนต์ที่เดิม
·         อพาร์ทเมนต์ที่ใหม่มี ทำเลที่ตั้งและการคมนาคมสะดวกกว่า
·         อพาร์ทเมนต์ที่ใหม่มี สิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องพักดีกว่าอพาร์ทเมนต์ที่เดิม
·         อพาร์ทเมนต์ที่ใหม่มี การตกแต่ง และมีรูปแบบอาคารที่สวยงาม ทันสมัย
·         อพาร์ทเมนต์ที่เดิมมี สภาพแวดล้อมไม่ดีเสื่อมโทรม หรือแออัดมากเกินไป
·         อาพร์ทเมนต์ที่เดิม บริการไม่ดีเช่น ความสะอาดเรียบร้อยบริเวณอพาร์ทเมนต์ความสุภาพของพนักงานที่ให้บริการ เป็นต้น
·         อพาร์ทเมนต์ที่เดิมไม่มี ระบบการรักษาความปลอดภัยที่ดี
·         อพาร์ทเมนต์ที่เดิมมีปัญหาเรื่อง เสียงดังรบกวน
·         ผู้เช่าย้าย สถานศึกษาหรือย้ายที่ทำงานใหม่





วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ซื้อคอนโดฯหนีน้ำ...ไม่ใช่คำตอบสุดท้าย

    นับตั้งแต่น้ำจำนวนมหาศาลจากทางเหนือเริ่มขยับเข้าใกล้เขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล กระทั่งกระจายเต็มพื้นที่ทางตอนเหนือของกรุงเทพฯ เมื่อไม่มีใคร เอาอยู่ได้จริง สุดท้ายประชาชนจำนวนมากจำต้องแก้ปัญหาด้วยการทิ้งบ้านให้แช่น้ำเล่นไปพลาง ๆ ก่อนจะพาตัวเองและครอบครัวไปหาที่พักพิงใหม่ในเขตที่น้ำยังไม่ไปเยือน
           คอนโดมิเนียมที่เป็นอาคารสูงยังไงน้ำก็ท่วมไม่ถึง จึงดูเหมือนว่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่า หากว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นอีกครั้งในอนาคตอันใกล้ แต่เมื่อสถานการณ์ต่าง ๆ คลี่คลายแล้วดูเหมือนว่าการหนีน้ำโดยขายบ้านทิ้งไปอยู่อาคารชุดแทนนั้นยังไม่ใช่คำตอบสุดท้าย เพราะการจะมีบ้านสักหลังหรือคิดจะซื้อใหม่แล้วย้ายที่อยู่นั้นไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่าย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดามนุษย์เงินเดือนที่มีรายได้จำกัด
           ธำรง ปัญญาสกุลวงศ์ นายกสมาคมอาคารชุดไทย กล่าวว่า ในปี 2554 ภาพรวมของตลาดอาคารชุดนั้นลดลงจากปี 2553 ซึ่งถือเป็นช่วงที่บูมสูงสุด แต่คาดว่าในปีนี้สถานการณ์น่าจะดีขึ้นเพราะทุกคนมองว่าคอนโดมิเนียมน่าจะเป็นที่อยู่อาศัยทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าเพราะอยู่แนวสูง ทรัพย์สินจะไม่ได้รับความเสียหาย เพียงแต่หากอยู่ในพื้นที่ประสบภัยอาจจะไม่สะดวกในเรื่องการเดินทาง แต่ทั้งนี้จากการเสวนาของผู้ประกอบการเมื่อปลายเดือน ธ.ค. 2554  พบว่ายังไม่มีแนวโน้มที่ผู้ประกอบการจะลดราคาขายบ้านลงแม้จะอยู่ในพื้นที่ประสบภัย เนื่องจากต้นทุนแรงงานที่เตรียมปรับเพิ่มสูงขึ้น ราคาวัสดุก็ไม่ได้ลดลง ราคาน้ำมันเป็นอีกหนึ่งปัจจัยของวงการก่อสร้างก็ยังมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ
          “แนวโน้มการซื้อคอนโดมิเนียมหรืออาคารชุดของผู้บริโภคนั้นจะเป็นการซื้อเพื่อสำรองไว้หากเกิดกรณีฉุกเฉินมากกว่า เพราะช่วง 2-3 เดือนก่อนหน้านี้หลายครอบครัวต้องเสียค่าเช่าอพาร์ตเมนต์ซึ่งมีราคาสูง อีกทั้งบางครั้งยังไม่สามารถหาที่พักได้เพราะความต้องการมีมากกว่าห้องที่มีอยู่ ซึ่งหากมีคอนโดมิเนียมสำรองไว้ก็จะไม่ต้องกังวลเรื่องที่พักอาศัย และหากอยู่ในพื้นที่เสี่ยงก็ยังมีแนวโน้มว่าจะป้องกันได้ง่ายกว่าโครงการบ้านจัดสรรที่มีขนาดใหญ่
           ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาโครงการคอนโดมิเนียมที่อยู่ในแนวรถไฟฟ้าทั้งบีทีเอสและเอ็มอาร์ที ถือเป็นทำเลทองที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะการเดินทางที่สะดวกสบาย โดยมีจำนวนห้องชุดที่สร้างเสร็จแล้วไม่ต่ำกว่า 2 แสนยูนิต แต่ปัจจุบันที่ดินในแนวรถไฟฟ้าที่หายากขึ้น ประกอบกับราคาที่ดินที่สูงขึ้น รวมทั้งวัสดุก่อสร้างและค่าแรงที่ถีบตัวสูงตาม ล้วนมีส่วนทำให้ราคาต่อตารางเมตรของอาคารชุดต้องปรับตัวตาม นอกเหนือไปจากการปรับตัวตามความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นซึ่งเป็นไปตามกลไกตลาด
รูปภาพ น้ำท่วมกรุงเทพ2554 ประมวล ภาพน้ำท่วมกรุงเทพ ล่าสุด
         “ต่อไปราคาคอนโดมิเนียมบนถนนสายหลักที่มีอยู่จะยิ่งปรับตัวสูงขึ้น ไม่ใช่เพราะปัญหาน้ำท่วมแต่เป็นเพราะผังเมืองรวมของ กทม.ที่กำลังจะออกมา ซึ่งจำกัดพื้นที่ในการก่อสร้างโครงการ ไม่ให้สร้างอาคารสูงตามซอยที่มีความกว้างของถนนต่ำกว่า 12 เมตร เหมือนอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน หากผังเมืองฉบับนี้ประกาศออกมาจริงต่อไปห้องชุดราคาไม่เกิน 50,000 ต่อตารางเมตรก็จะไม่มีอีกต่อไป
          ขณะที่ อิสระ บุญยัง นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร บอกว่า ผู้ประกอบการในพื้นที่ประสบภัยส่วนใหญ่อาจชะลอการเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วงนี้ แต่คาดว่าภาวะดังกล่าวจะเกิดขึ้นไม่นานนักอย่างมากประมาณ 3-6 เดือน ส่วนโครงการที่เปิดขายไปก่อนหน้านั้นแล้วจากการสำรวจพบว่ายังคงส่งมอบบ้านเพื่อโอนกรรมสิทธิ์ให้ลูกค้าเหมือนปกติ
          บ้านระดับราคา 3 ล้านบวกลบ จากที่คาดการณ์กันไว้ก่อนหน้านี้ว่าอาจจะทิ้งดาวน์ในทำเลประสบภัยมากถึง 25% กลับพบว่าหลังน้ำท่วมมีเพียงแค่ 10% เท่านั้น และสาเหตุหลักไม่ได้เกิดจากความวิตกกังวลในเรื่องน้ำท่วม แต่เกิดจากปัญหารายได้ของผู้ซื้อเองมากกว่า เพราะอาจถูกเลิกจ้างงานตั้งแต่ช่วงประสบอุทกภัยซึ่งพบว่ามีมากถึง 60% ขณะที่สาเหตุจากความวิตกกังวลเรื่องน้ำท่วมมีเพียง 40% เท่านั้น
         “ที่ลูกค้ากลุ่มนี้ไม่ทิ้งดาวน์ ไม่ย้ายทำเล เป็นเพราะที่อยู่อาศัยถูกผูกติดอยู่กับแรงงาน เป็นทำเลที่ใกล้กับที่ทำงาน เดินทางสะดวก และส่วนใหญ่ลูกค้ากลุ่มนี้มักอยู่กันเป็นครอบครัว มีผู้อยู่อาศัย 3 คนขึ้นไป การจะย้ายไปอยู่อาคารชุดทำได้ยาก เพราะข้อจำกัดเรื่องพื้นที่
          ส่วนลูกค้าที่ซื้อบ้านราคา 10 ล้านขึ้นไป ส่วนใหญ่มักประกอบธุรกิจส่วนตัว หรือเป็นพวกผู้บริหาร ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้เวลาทำงานไม่ใช่ปัจจัยชี้ขาดในการตัดสินใจซื้อบ้าน ซึ่งเป็นกลุ่มที่ตัดสินใจย้ายทำเลที่อยู่อาศัยได้ง่ายกว่าลูกค้ากลุ่มแรก ลูกค้ากลุ่มนี้ มีเงินมากพอที่จะซื้อบ้านหรืออาคารชุดในเมือง หรือบ้านพักต่างจังหวัดเพิ่มได้ ส่วนใหญ่มีที่อยู่อาศัยมากกว่า 1 แห่งมาตั้งแต่ก่อนจะประสบอุทกภัย
          ในเมื่อบ้านจัดสรรยังคงเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการ แม้ว่าอาจจะต้องประสบกับปัญหาน้ำท่วมใหญ่อีกครั้ง เพราะระบบการบริหารจัดการน้ำของประเทศไทยยังไม่ดีพอ การทำประกันภัยให้ครอบคลุมด้านอุทกภัยด้วยเพิ่มเติมจากประกันอัคคีภัยที่มีอยู่เดิม จึงอาจจะมีส่วนช่วยในการสร้างความมั่นใจสำหรับบ้านพักอาศัย
           ความเสียหายจากมหาอุทกภัยเมื่อปลายปี 54  มีมากกว่าความเสียหายจากภัยสึนามิปี 47 ถึง 10 เท่า ประเมินเบื้องต้นมีกรมธรรม์ประกันภัยที่ได้รับความเสียหายรวมมีกว่า 7,500 กรมธรรม์ ค่าสินไหมทดแทนรวมกว่า 22,000 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้ 20,000 ล้านบาท เป็นค่าสินไหมของการประกันความเสี่ยงภัยทุกชนิด ส่วนกรมธรรม์ประกันภัยการก่อสร้าง 350 กรมธรรม์ เป็นค่าสินไหม 150 ล้านบาท ขณะที่ลูกค้ารายย่อยประเภทบ้านอยู่อาศัย 4,000 กรมธรรม์ เป็นค่าสินไหม 2,000 ล้านบาท รถยนต์ 2,500 คัน เป็นค่าสินไหมรวม 400 ล้านบาท โดย 1 ใน 3 หรือกว่า 800 คัน เป็นรถที่เสียหายสิ้นเชิง

รูปภาพ น้ำท่วมกรุงเทพ สื่อต่างชาติ ประมวลภาพ น้ำท่วมกรุงเทพ 2554


           เป็นการตอกย้ำว่า จากนี้ไป ทั้งภาคธุรกิจ ภาคประชาชนจะหันมาให้ความสำคัญกับการทำประกันภัยเพิ่มเติมอย่างแน่นอน !!
           ผู้คร่ำหวอดวงการประกันภัยอย่าง จีรพันธ์ อัศวะธนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้อำนวยการบริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำกัด ในฐานะนายกสมาคมประกันวินาศภัย ระบุว่า หากรัฐตั้งกองทุนประกันภัยสำหรับภัยน้ำท่วมวงเงิน 50,000 ล้านบาทจริง จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้รีอินชัวเรอร์ ให้เห็นว่ารัฐบาลจริงจังในการแก้ปัญหาน้ำท่วม เพราะปัจจุบันบริษัทประกันภัยหลายแห่งกำลังลุ้นระทึกตัวโก่งกับผลเจรจากับรีอินชัวเรอร์ต่างประเทศอยู่ว่าจะออกหัวหรือก้อย เพราะที่ผ่านมามีหลายรายที่ปฏิเสธ แม้ว่าหลายรายยังรับประกันภัยต่อเหมือนเดิม เพียงแต่ขอโขกค่าเบี้ยประกันภัยขึ้นตามความเสี่ยงภัย
          “บริษัทประกันภัยไทยเจรจากับรีอินชัวเรอร์ต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพราะสัญญาเปลี่ยนแปลงได้ตลอด อีกทั้งขณะนี้มีการเจรจาการรับประกันภัยพืชผลการเกษตรอีกด้วย คาดว่าจะได้ข้อยุติภายในไตรมาสแรกปีนี้ ส่วนลูกค้าเก่าที่กรมธรรม์หมดอายุปลายปี 54 นั้น บริษัทประกันจะต่ออายุกรมธรรม์ให้ทันที แต่เบี้ยประกันภัยนั้นจะอิงตามความเสี่ยง หากเป็นพื้นที่ในเขตภัยพิบัติ หรือประสบปัญหาน้ำท่วม เบี้ยประกันจะสูงขึ้น เพราะถือว่ามีความเสี่ยงสูง แต่หากอยู่ในพื้นที่ราบสูง ไม่มีปัญหาเรื่องน้ำท่วม เบี้ยประกันยังคงเป็นอัตราเดิม ส่วนลูกค้าที่ต้องการทำประกันภัยน้ำท่วมนั้น ต้องรอรีอินชัวเรอร์เคาะเบี้ยรอบใหม่ให้แล้วเสร็จก่อนจึงจะเริ่มซื้อได้
           ไม่เพียงเท่านั้นสมาคมฯ กำลังจัดแบ่งโซนนิ่งเพื่อกำหนดเบี้ยประกันภัยใหม่ พื้นที่ไหนเสี่ยงน้ำท่วม เบี้ยจะแพงกว่าพื้นที่ที่น้ำไม่ท่วม โดยนำภาพถ่ายดาวเทียม ความลึกของพื้นที่ มาเป็นข้อมูลในการจัดโซนนิ่งซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณกลางปี
           ซึ่งสอดคล้องกับ สมพร สืบถวิลกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย  ให้ความเห็นว่า ทิศทางธุรกิจประกันภัยในปีนี้ ยังเชื่อว่าจะขยายตัวเป็นเลข 2 หลักได้อยู่ เพราะจากปัญหาน้ำท่วมทำให้เจ้าของทรัพย์สิน ทั้งผู้ประกอบการธุรกิจ ประชาชนล้วนเล็งเห็นความสำคัญของการทำประกันภัยน้ำท่วมมากขึ้น แต่เบี้ยประกันจะสูงขึ้นตามความเสี่ยง โดยอาจเพิ่มเป็นเท่าตัวสำหรับภาคโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ แต่ในส่วนของบ้านเรือนนั้นคงเพิ่มไม่มากนัก เพราะบริษัทรับประกันภัยในประเทศสามารถรับความเสี่ยงไว้ได้เอง
           ที่ผ่านมาคนไทยยังให้ความสำคัญการทำประกันภัยน้อยมาก เช่น บ้านที่อยู่อาศัย 9 ล้านหลังทำประกันเพียง 1.4-1.5 ล้านหลัง นอกจากนี้ในอดีตการทำประกันภัยทรัพย์สินเกี่ยวกับภัยน้ำท่วมยังมีสัดส่วนที่น้อยมีมูลค่าเพียง 14,000-15,000 ล้านบาทเท่านั้น ดังนั้นถ้ารัฐจะช่วยผลักดันให้ธุรกิจประกันภัยเป็นดาวรุ่ง ต้องสนับสนุนด้านภาษี ผ่อนผันเกณฑ์การดำรงกองทุนต่าง ๆ เพื่อให้ธุรกิจขับเคลื่อนไปได้อย่างเข้มแข็ง
          “ถ้าทุกคนเห็นความสำคัญในการทำประกันภัย จะทำให้เบี้ยรับรวมของธุรกิจประกันเติบโตเพิ่มขึ้น และทำให้ผู้ประกอบการมีอำนาจการต่อรองกับรีอินชัวเรอร์ต่างประเทศ อนาคตอาจส่งผลให้เบี้ยประกันต่ำลงได้
รูปภาพ น้ำท่วมกรุงเทพ สื่อต่างชาติ ประมวลภาพ น้ำท่วมกรุงเทพ 2554 

ขณะที่ เรืองเดช ดุษฏีสุรพจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สินมั่นคงประกันภัย มองว่า  หากรัฐบาลตั้งกองทุนประกันภัยได้จริง จะมีผลต่อการสร้างความเชื่อมั่นให้ประกันภัยทั้งระบบ ส่งผลให้บริษัทรีอินชัวเรอร์ต่างประเทศรับประกันภัยต่อจากบริษัทประกันของไทย จะทำให้บริษัทประกันภัยมีศักยภาพรับประกันภัยในประเทศสูงขึ้น และหลังครม.ไฟเขียวจัดตั้งกองทุนภาครัฐและเอกชนต้องหารือรายละเอียด เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ เพราะนโยบายที่ออกมาขณะนี้ยังคลุมเครือ และรีอินชัวเรอร์ยังงงกับนโยบายรัฐ

           “การจะลงมือทำอะไรขอให้คำนึงถึงอุตสาหกรรมในประเทศเป็นหลัก หากนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในประเทศขาดการรับประกันภัยในประเทศ จะทำให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น และมีความเสี่ยงที่อาจจะโยกการลงทุนไปประเทศเพื่อนบ้านแทน เนื่องจากที่ผ่านมาไทยและประเทศในเอเชียถูกจัดชั้นเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงภัยธรรมชาติเยอะมาก ถึงเวลาแล้วที่ภาครัฐและเอกชนต้องจับเข่าคุยกันหาบทสรุปก่อนที่จะลงมือปฏิบัติ เพราะผลสุดท้ายหากปัญหาลุกลามใหญ่โตอาจทำให้เศรษฐกิจไทยเสียหายจนเกินเยียวยาได้
            อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้เริ่มเห็นแนวโน้มการปรับตัวของภาคเอกชนในธุรกิจประกันภัยกันบ้างแล้ว เริ่มจาก ชาติชาย ชินเวชกิจวานิชย์ กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการสายธุรกิจประกันภัย บริษัท เทเวศประกันภัย จำกัด (มหาชน) ที่ออกมารับว่า บริษัทได้จัดทำสัญญาประกันภัยต่อต่างประเทศสำหรับปี 55 เสร็จสิ้นแล้ว แม้ว่าสัญญาจะไม่คุ้มครองภัยธรรมชาติ 4 ภัยหลักคือ ภัยน้ำท่วม ภัยแผ่นดินไหว ภัยจากลมพายุและลูกเห็บ แต่บริษัทได้จัดให้มีการประกันภัยต่อประเภทอื่น ที่รองรับความเสี่ยงภัยดังกล่าวในอัตราเบี้ยประกันภัย 5-10% ของวงเงินความคุ้มครอง เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าทรัพย์สินของตนจะได้รับการคุ้มครอง
            ด้าน นวลพรรณ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) พลิกตัวอย่างรวดเร็ว ด้วยการเพิ่มรับประกันสัญญาเพิ่มคุ้มครองภัยธรรมชาติตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.นี้ หลังได้รับการต่อสัญญากับรีอินชัวร์เรอร์เรียบร้อยแล้ว โดยเบี้ยประกันภัยนั้นอาจคิด 10-15% ของความรับผิดชอบ
          “แนวโน้มการรับประกันภัยทรัพย์สินในปี 55 จะยังคงไม่รวมความรับผิดสำหรับภัยธรรมชาติ ซึ่งเป็นเงื่อนไขปกติของทุกบริษัทประกันภัยอยู่แล้ว แต่ในส่วนของภัยเพิ่มที่คุ้มครองครอบคลุมถึงภัยธรรมชาติทั้งหมด อาทิ แผ่นดินไหว ลมพายุ ลูกเห็บ และไฟป่านั้น บริษัทได้ต่อสัญญารีอินชัวร์เรอร์แล้ว แต่มีข้อจำกัดด้านวงเงินความรับผิด (ซับ ลิมิต) สำหรับภัยธรรมชาติ โดยเบี้ยประกันนั้นจะอยู่ที่ 10-15% ของจำนวนเงินความรับผิดชอบสำหรับภัยธรรมชาติส่วนแรกขณะนี้กำลังรอให้ คปภ.อนุมัติอย่างเป็นทางการ
           ส่วน พนัส ธีรวณิชย์กุล ผู้อำนวยการใหญ่บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดอก บริษัทยังคงเปิดขายกรมธรรม์น้ำท่วมอยู่ สามารถซื้อความคุ้มครองที่ 10% ต่อทุนประกัน 1 ล้านบาท แต่ได้ปรับใหม่โดยยอมรับว่าต้องเพิ่มเบี้ยประกันให้สูงขึ้น เพื่อสะท้อนความเป็นจริงตามต้นทุนการให้บริการที่เพิ่มขึ้น คาดว่าปี 55 นี้เบี้ยประกันภัยของบริษัทจะเพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่ 10-20% ไล่ไปจนถึง 50-100% ตามความเสี่ยง เช่น พื้นที่ตั้งความใกล้ไกลภัย อาคารที่ทำประกันทำธุรกิจด้านไหน หากเกี่ยวกับไฟ หรือเสี่ยงไฟไหม้ อัตราด้านประกันอัคคีภัยที่แยกจากภัยน้ำท่วมก็จะสูงเช่นกัน ไม่เพียงน้ำท่วมจะขึ้นเบี้ยอย่างเดียวเท่านั้น เบี้ยอัคคีภัยก็จะขึ้นอีกด้วย
          “การกำหนดคุ้มครองภัยน้ำท่วมสำหรับลูกค้ารายใหญ่ ต้องมีซับลิมิตไม่เกิน 10% ของทุนประกัน แต่ไม่เกิน 50 ล้านบาท และต้องรับผิดชอบค่าเสียหายส่วนแรก 10% ของความเสียหาย แต่ไม่ต่ำกว่า 50,000-100,000 บาท ส่วนลูกค้ารายย่อยกำหนดคุ้มครองแบบซับลิมิต 20% ของทุนประกัน โดยที่เบี้ยอาจจะปรับขึ้นไม่มาก
           นอกจากนี้จะปรับเบี้ยประกันรถยนต์ชั้น 1 จากที่ไม่เคยปรับเพิ่มเบี้ยเลยตั้งแต่ปี 51 ขณะที่ตลาดได้ปรับเพิ่มเบี้ย 2-3% ต่อปีมาตลอด 3 ปี ซึ่งเท่ากับปรับเพิ่มขึ้นเกือบ 10% ตามต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านอู่ อะไหล่ และค่ารักษาพยาบาลที่เพิ่มขึ้น แต่บริษัทจะปรับเพิ่มขึ้นไม่ถึง 10% คาดว่าจะเพียงหลักร้อยบาทเท่านั้น เพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุน
           ไม่ว่าปี 2555 นี้จะเกิดน้ำท่วมใหญ่อีกครั้งอย่างที่หลายคนทำนายทายทักหรือไม่ ที่แน่ ๆ ประชาชนที่เคยอยู่ในพื้นที่ประสบภัย ทั้งแบบที่ถูกกักน้ำไว้เพื่อเป็นพื้นที่รับน้ำ หรือพื้นที่ลุ่มริมฝั่งแม่น้ำที่เกิดปัญหาน้ำท่วมเกือบทุกปี คงต้องยอมรับกับค่าใช้จ่ายในการประกันความเสี่ยงที่อาจจะต้องเพิ่มขึ้นมา เพราะภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นนั้นทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นจนบางครั้งนักพยากรณ์ยังไม่อาจคาดเดา
บางทีบ้านสะเทินน้ำสะเทินบกอาจเป็นคำตอบของอนาคตหากว่ารัฐบาลยังแก้ปัญหาการบริหารจัดการน้ำไม่ได้.
ศศิมา ดำรงสุกิจ / สุกัญญา สังฆธรรม
ที่มา http://www.dailynews.co.th/article/5832/11061

วันจันทร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ฮวงจุ้ย บ้าน คอนโด ที่พักอาศัย

โดย  อ.อำนวย ประกอบการดี
  1. บ้านพักที่ใหญ่โตเกินไป แต่ในบ้านมีคนพักน้อย ไม่เป็นมงคลจะทำกินไม่ขึ้น ในครอบครัวจะดีมาก ทำให้อบอุ่น ทำกินร่ำรวย
  2. บ้านที่มีหลังบ้านข้างบ้านมีตึกสูงกว่าดี แต่อย่าชิดเกินไป
  3. บ้านสองบ้านที่เล็งกัน บ้านฝั่งที่ต่ำกว่านับว่าไม่เป็นมงคล, บ้านที่สร้างขวางทางยาว แต่กินที่แคบไม่ลึกไม่เป็นมงคล
  4. บ้านใดที่ปลูกต้นไผ่ แล้วคนภายนอกมองไม่เห็นคนในบ้าน จะทำให้คนอยู่อาศัยจะพบความเจริญ
  5. บ้านของลูกๆ ไม่ควรสร้างในลานบ้านของพ่อแม่ ครอบครัวจะยากจนลง แต่ลูกคนโตไม่เป็นไร ให้หันประตู
  6. บ้านตามรหัสราศีปีเกิด หรือตามทิศของโป้ยข่วย คือ ทิศตะวันออก
  7. บ้านที่มีตึกสูงอยู่ใกล้ แสดงถึงมีผู้มาให้ความช่วยเหลือคุ้มครอง และอย่านำต้นไม้ที่เป็นรากมาประดับ โดยแขวนรากชีฟ้าจะไม่เป็นมงคล
  8. บ้านที่มีลานโล่ง ห้ามล้อมรั้วกลางลานโล่ง จะทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บ เช่น โรคตา หัวใจ
  9. บ้านที่อยู่รวมกัน ห้ามเอาหลังคาชนกันจะไม่เป็นมงคล บ้านชั้นเดียว ถ้าคับแคบให้ปลูกเพิ่มเติม ต้องแก้เคล็ด
  10. บ้านควรปลูกเป็นรูปสี่เหลี่ยม ไม่ควรปลูกส่วนเกิด ส่วนขาด จะเป็นอัปมงคล เสียหาย
  11. บ้านอย่าแขวนเครื่องประดับมากเกินไป โดยเฉพาะนอแรด เขากระทิง หัวสัตว์ที่ดุร้ายไม่ควรแขวนเลย เพราะ วิญญาณมักจะตามมาทวงและรบกวนเจ้าของบ้าน
  12. บ้านเล็ก อย่าสร้างประตูใหญ่ จะเกิดปากเสียง ทำกินไม่ขึ้น
  13. บ้านไม่ควรเจาะหลังคา จะไม่เป็นมงคล ถ้ากลัวว่าทึบก็ให้ใช้กระเบื้องใสแทน
  14. บ้านหลังเดียว ควรมีประตูหลังบ้านถึงจะเป็นมงคล
  15. บ้านผู้ดีมีเงินมักสร้างศาลาพักผ่อนยื่นออกมา ตามหลักฮวงจุ้ยห้ามสร้างบ้านยื่น ขาด เว้า แหว่ง จะมีอันเป็นไป ต้องปลูกต้นไม้รับตัวบ้าน และศาลาที่สร้างต้องรวมกันให้เป็นรูปสี่เหลี่ยม
  16. บ้านที่มีกำแพงเก่าควรทาสีให้ใหม่เสมอ เวลากลางคืนควรติดไฟให้สว่างจะพบแต่ความเจริญ
  17. บ้านที่มีที่ดินด้านหลังบ้านแคบหน้าบ้านกว้างไม่เป็นมงคล ให้แก้เคล็ดโดยการติดกระจก บริเวณที่แคบทั้งสองด้าน เพื่อเวลามองแล้วจะรู้สึกกว้าง ลึก
  18. บ้านที่มีหน้าบ้านแคบแต่หลังบ้านกว้าง เป็นถุงเงินถุงทองดี บ้านที่ปลูกแล้วดูเป็นรูป W, L ไม่เป็นมงคล
  19. บ้านที่มีกำแพงสูงมากเกินไป เช่นสูงเกิน 2 เมตร ไม่เป็นมงคล (เหมือนคุก)
  20. บ้านที่สร้างแล้วมีความลึกมากกว่าความกว้าง อยู่แล้วจะเจริญรุ่งเรือง, บ้านที่สร้างตามความลึกเป็นมงคล
  21. บ้านที่มีการปลูกหน้าบ้านยาวแต่แคบไม่เป็นมงคล, บ้านหรือที่ดินบ้านเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสเป็นมงคลยิ่ง
  22. สร้างบ้านอยู่บนเนินเขา ไม่ดี, บ้านสูงต่ำ เล่นระดับ ไม่ดี, บ้านมีห้องใต้ดินอยู่กลางบ้าน ไม่ดี
  23. บ้านที่แหว่งบางส่วน คนในบ้านจะมีอันเป็นไป เช่น ถ้าแหว่งทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ หมายถึงแม่หรือหญิงเจ้าของบ้าน ถ้าทิศตะวันตกเฉียงเหนือคือ พ่อ หรือชายเจ้าของบ้าน
  24. บ้านที่แหว่งทิศตะวันออก และตะวันตกผลกระทบ คือลูกชายคนโต และลูกสาวคนเล็ก ไม่เป็นมงคล ต้องแก้เคล็ด
  25. บ้านหรือพื้นที่เว้าแหว่ง ทิศเหนือและใต้จะเสียหายแก่ลูกสาวคนกลาง (ทิศใต้) ลูกชายคนกลาง (ทิศเหนือ) จะมีเรื่องคดีความ, บ้านด้านหนึ่งมีปล่องควันปล่องควันแทนก้านธูปไหว้คนตายไม่ดี
  26. บ้านที่ตะวันออกเฉียงเหนือแหว่ง จะเกิดเสียหายแก่ลูกชายคนเล็กและระบบย่อยอาหาร
  27. บ้านหรือที่ดินที่เว้าแหว่งทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ มีผลกระทบกับพ่อ หรือชายเจ้าของบ้าน และผู้คนในครอบครัว บ้านที่เป็นรูปทรงหน้ากว้างหลังแคบ จะเก็บเงินไม่อยู่ จะยากจน
  28. บ้านที่แหว่งจะทำให้ครอบครัวไม่มีความเจริญรุ่งเรือง และถ้าแหว่งทางทิศตะวันออกจะมีผลกระทบเกี่ยวกับลูกชายคนโต บ้านที่มีหลังคาด้านซ้ายยาว ด้านขวาสั้น ภายในครอบครัวจะพบภัยพิบัติ
  29. บ้านเวลาปลูกอย่าตั้งเสาข้างหนึ่งสูงข้าง ข้างหนึ่งเตี้ย จะแสดงถึงการทำกิน ธุรกิจง่อนแง่น
  30. บ้านที่เก่า ถ้าจะเข้าไปอยู่ใหม่ควรทาสีให้ใหม่ กลอนประตูควรจะเปลี่ยนใหม่ จะนำโชคลาภมาให้
  31. บ้านถ้าอยู่ใกล้สุสานไม่ดี, บ้านที่มีสะพานพุ่งแทงเข้ามา ให้แก้เคล็ดโดยปลูกต้นไม้ไผ่บังสายตา
  32. บ้านที่มีบ่อน้ำที่มีมุมแหลมพุ่งตรงสู่หน้าบ้านไม่เป็นมงคล ควรแก้เคล็ดโดยปลูกต้นไม้บังบ่อตรงมุมแหลม จะพบความสุข, บ้านที่มีหลังคาเป็นรูปโค้งไม่ดี
  33. บ้านที่มีบ่อน้ำอยู่หลัง ให้ระวังเกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ เช่น โรคท้อง
  34. บ้านที่เพดานเฉียง ไม่ดี, บ้านมีคาน ไม่ดี, บ้านที่มีคานไม่เสมอกัน ไม่ดี, บ้านสร้างคล้ายรูปตัวยู ไม่ดี
  35. บ้านที่มีถนนโค้งออก อยู่แล้วไม่เจริญ, บ้านที่มีถนนล้อมรอบทั้ง 4 ด้านไม่เป็นมงคล, บ้านที่มีทางโค้งออก อยู่ไปจะทำให้ยากจน, บ้านที่อยู่ใกล้สี่แยก ให้ตั้งประตูใหญ่ให้ถูกรหัสราศีของเจ้าของบ้าน และอีกส่วนด้านให้ปลูกต้นไม้แทนภูเขาเพื่อแก้เคล็ด
  36. บ้านที่อยู่ใกล้สี่แยก ระวังขโมยขึ้นบ้านบ่อย และถ้าถนนตัดกับทิศตะวันตกเฉียงใต้ คนในบ้านมักจะมั่วกาม
  37. บ้านมีสองบันได ไม่ดี, บ้านรูปทรงตัว H ถือว่าบ้านเว้าแหว่ง จะเสียทรัพย์ เสียชื่อเสียง
  38. บ้านเว้าแหว่ง รูปทรงกากบาท หมายถึงป่วย ความตาม ไม่ดี
  39. บ้านที่มีรูปทรงแปลกๆ ผิดปกติ เฉียงเอียงเว้าแหว่งล้วนไม่ดี, บ้านมีคนพักอาศัยมากจะทำให้คนในบ้านอบอุ่น
  40. บ้านที่มีลานหน้าบ้านกว้าง เป็นฮวงจุ้ยที่ดี, บ้านถูกทางแทง ไม่ดี ต้องแก้ไข
  41. บ้านเป็นรูปสามเหลี่ยม เรียกว่าถังขยะ ธุรกิจเจ๊ง เป็นมะเร็ง อัมพาต
  42. บ้านแตกร้าว ในบ้านจะเกิดปากเสียง ไม่ดี, บ้านตรงข้ามโบสถ์ จะมีแต่ความเสื่อมเสีย มีเรื่องชู้สาว
  43. บ้านรูปแปดเหลี่ยมดี บ้านที่มีเหลี่ยมตึก หน้าจั่วแทงด้านหน้า หลัง ซ้าย ขวา ไม่ดี
  44. บ้านที่อยู่ใกล้เสาไฟแรงสูง อันตรายเวลาฝนตก, บ้านอยู่ตรงข้ามโรงไฟฟ้าไม่ดี ต้องแก้ไข
  45. บ้านติดโรงพยาบาลไม่ดี การค้าสะดุด การเงินเป็นหนี้ สุขภาพไม่ดี
  46. บ้านร้างที่อยู่ใกล้บ้านใหม่ จะทำให้บ้านใหม่ไม่ดีไปด้วย, หน้าบ้านมีกองขยะ หรือสิ่งรกๆ ไม่ดี
  47. บ้านที่อยู่ระหว่างช่องว่างของตึกสูง เรียกว่าลมพิฆาต ไม่ดี วิบัติรุนแรง
  48. บ้านมีต้นไม้เอียงเบนห่างออก ไม่ดี ขาดผู้สนับสนุน, บ้านถูกทางน้ำ หรือบันไดแทง ไม่ดี
  49. หน้าบ้านที่มีบ้านมุมบ้านแหลม หันมาแทงบ้านของตัวเอง, หน้าบ้านมีบ่อรูปสามเหลี่ยม ไม่ดี
  50. หน้าบ้านมีบ่อน้ำสองบ่อ เรียกว่าบ่อน้ำตา ไม่ดี, หน้าบ้านห้ามมีศาลเจ้า โบสถ์ วัด
  51. หน้าบ้านทางด้านซ้ายมือมีสระน้ำอยู่มุมมังกรเขียว ผู้อยู่อาศัยจะเจริญรุ่งเรือง
  52. หน้าบ้านถ้ามีต้นไม่ใหญ่ตายยืน ควรจะโค่นตัดทิ้งเลย มิฉะนั้นจะพบความยากจน
  53. หน้าบ้านมีรูปเหมือนรูปปืนที่ยิงใส่หน้าบ้านตลอด อยู่ใกล้ไป จะยากจน, หน้าบ้านมีท่อระบายน้ำหรือแทงค์น้ำอยู่ ไม่ดี
  54. หน้าบ้านมีเสาเครื่องหมายจราจรอยู่ ไม่ดี, หน้าบ้านมีทางเข้าออกของรถของบ้านอยู่ตรงข้ามกัน ตรงกัน แทงกันเอง ไม่ดี
  55. หน้าบ้านมีต้นไม้ใหญ่เหมือนมีมีดมาฟันบ้าน ไม่ดี, ประตูใหญ่อย่าสร้างประตูเล็กไว้ 2 ข้าง แต่ให้สร้างข้างเดียวคือ หันหน้าออก สร้างตรงซ้ายมือ (มุมมังกรเขียว), ประตูตรงกันไม่เป็นมงคล, ประตู เสา และฝาบ้าน ต้องเลือกไม้ที่ไม่มีตามากๆ
  56. ประตูหน้าบ้าน ห้ามตรงกับประตูห้องน้ำไม่ดี จะเกิดโรคฝีหรือโรคมะเร็งได้, ประตูบ้านที่มีซุ้มสูงกว่าหลังคา ไม่เป็นมงคล ให้แก้ไข จะได้พบแต่ความสุข, ประตูที่ทำซุ้มแบบซุ้มประตูของศาลเจ้าหรือมูลนิธิ บ้านคนธรรมดาห้ามสร้าง จะไม่เป็นสิริมงคล, ประตูบ้านไม่ควรจะมีต้นไม้ใหญ่อยู่ตรงกลางประตู
  57. ประตูหน้าบ้านมีสะพานพุ่งเข้าหน้าบ้านไม่ดี, ประตูห้องนอนตรงกับเตียงนอนไม่ดี, ประตูใหญ่ตรงประตูห้องน้ำไม่ดี จะทำให้เงินเข้าบ้านไม่ดี สุขภาพไม่ดี, ประตูห้องนอนตรงกับประตูห้องน้ำไม่ดี จะเกิดโรคภัย ธุรกิจสะดุด
  58. ประตูใหญ่ตรงกับประตูห้องนอน จะเกิบเงินไม่อยู่ มีปากเสียง ไม่ดี, ประตูรั้วบ้านฝั่งตรงข้ามใหญ่กว่าบ้านเราไม่ดี
  59. ประตูตรงกันหลายบาน ตรงกับเตา ทำให้ร้อนเงิน มีปากเสียง ไม่ดี, ประตูตรงห้องนอนห้ามตรงกับบันได ไม่ดี
  60. ประตูห้องส้วมตรงกับเตียงนอนไม่ดี, ประตูห้องนอนตรงกับประตูครัว ทำให้เกิดปากเสียงเงินเก็บไม่อยู่
  61. ประตูด้านซ้ายควรใหญ่กว่าด้านขวา, ประตูรั้วสูงกว่ากำแพงไม่ดี
  62. บันไดตรงกับประตูห้องนอน ไม่ดี, บันไดตรงประตู ไม่ดี, บันไดตรงห้องน้ำ ไม่ดี, บันไดอยู่กลางบ้านตรงประตูเข้าออก ไม่ดี
  63. ห้องนอนติดกับเตา หรือห้องครัวไม่ดี, ห้องนอนของคนชราควรอยู่ชั้นล่าง เพราะอายุมากกระดูกไขข้อเริ่มเสื่อม
  64. ห้องนอนควรที่จะเก็บแต่เสื้อผ้าใหม่และของใหม่ จะเป็นมงคล, ห้องนอนควรอยู่ให้ถูกกับรหัสราศีของตัวเอง
  65. ห้องนอน ผ้าห่ม หมอน ควรที่จะแห้ง สะอาดอยู่เสมอ, ห้องนอนอยู่ใต้ห้องน้ำจะเจ็บป่วย
  66. ในห้องนอน เจ้าบ้านควรอยู่ทิศในรหัสราศีของตัวเองถึงจะเป็นมงคล
  67. ห้องนอน ประตูห้องนอนไม่ควรตรงกับประตูหน้าบ้าน, ห้องนอน เตียงนอนไม่ควรจะตรงกับประตูห้องนอน และไม่ควรเป็นห้องเก็บของ จะทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บ
  68. กระจกอย่าวางไว้ที่หัวนอน เพราะจะทำให้เสียสุขภาพ
  69. เตียงนอนอยู่บนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่ดี ไม่เป็นมงคล
  70. ใต้เตียงนอนไม่เหมาะที่จะเก็บถ้วยชามที่ร้าว จะทำให้มีผลกระทบต่อสุขภาพ
  71. เตียงนอนตรงกับประตู ไม่ดี, เตียงนอนห้ามตั้งอยู่บนเตาไฟ จะทำให้คนนอนสุขภาพไม่ดี
  72. เตียงนอนห้ามอยู่ใต้บันได เพราะจะมีคนขึ้นลงอยู่ประจำ, การตั้งเตียงเป็นมุมทะแยง ไม่ดี จะทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บ
  73. ด้านหัวนอนของเตียงและปลายเท้าห้ามตั้งกระจก, ห้ามนอนเอาเท้าหันไปสู่ประตู
  74. หิ้งลอย ตู้ลอย ไม่ควรอยู่บนหัวนอน จะทำให้เครียด เกิดโรคทางสมอง
  75. สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ควรตั้งตรงบันได หรือใต้บันได ไม่เป็นมงคล, การตั้งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ห้ามเอาหลังอิงห้องน้ำ ไม่เป็นมงคล
  76. ตั้งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ควรตั้งในห้องนอน ถ้าเป็นคนโสดไม่เป็นไร ถ้ามีคู่แล้วห้าม
  77. สิ่งศักดิ์สิทธ์ตั้งอยู่บนห้องน้ำ เป็นสิ่งไม่สมควร ควรแก้ไข
  78. สิ่งศักดิ์สิทธิ์ห้ามตั้งอยู่ใต้คาน รวมทั้งคนด้วยเช่นกันก็ห้ามอยู่ใต้คาน
  79. ห้องพระไม่ควรรวมกับห้องนอน ถ้าที่คับแคบจำเป็นต้องรวมให้กั้นฉากเป็นสัดส่วน ห้องนอนอย่าอยู่หน้าห้องรับแขก
  80. บ่อน้ำไม่ควรเป็นที่ทิ้งขยะ ไม่ดี, บ่อน้ำอยู่หลังบ้าน หรือหลังเตียงนอน ไม่ดี
  81. คานอยู่หน้าประตูไม่ดี จะส่งพลังกดทับ ทำให้เงินหรือพลังไม่คล่อง คานต่ำ เพดานต่ำ จะทำให้ชี่ (เงิน) เข้าบ้านไม่สะดวก
  82. คานห้ามอยู่บนหัวนอน จะเป็นมะเร็งในสมอง เส้นโลหิตในสมองแตก, คานทับเตาไฟ ทำให้เงินขาดมือ
  83. ห้องน้ำอยู่บนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่เป็นมงคล, ห้องน้ำอยู่บนประตูใหญ่ ไม่ดี ทำให้เงินไม่ไหลเข้า, ห้องน้ำอยู่เหนือเตาไฟ ไม่ดี
  84. ด้านหลังของเตียงเป็นห้องน้ำ ไม่ดี
  85. ห้องน้ำกลางบ้านไม่ดี, เครื่องซักผ้าตรงกับเตาไม่ดี, ห้องครัวถ้ามีขื่อพาดอยู่ ไม่ดีจะเจ็บป่วย ยากจน
  86. ห้องครัวห้ามอยู่ติดกับห้องนอน ถ้าจำเป็นจะตั้องกั้นผนังห้องครัวและห้องนอน อย่าให่มีอากาศเข้าถึงกันได้
  87. เตาตรงกับประตู เท่ากับชักนำเพื่อนเข้ามากิน แล้วก็จากไป แต่ตัวเราจะจนลง ไม่ดี
  88. เตาแก๊สห้ามตั้งติดกับก๊อกน้ำหรืออ่างล้างชาม ไม่ดี
  89. การตั้งเตาควรหันที่ปิดเปิดให้ถูกโฉลกและเป็นมงคลกับเจ้าบ้าน
  90. หัวเตาแก๊สควรมี 3, 5, 7 เตาดีที่สุด, ไม่ควรสร้างเตาไฟเล็งไปที่ประตู
  91. ไม่ควรวางเตาไว้บนท่อระบายน้ำหรือท่อน้ำประปา, ด้านหลังเตาแก๊สห้ามมีบ่อน้ำ
  92. ด้านหลังเตา อย่าให้ห่างผนังมากเกินไป
  93. ครัวเตาไฟไม่ควรจัดไว้หน้าบ้าน จะไม่มีทรัพย์สินเก็บ จะมีคนในบ้านตายทุก 3 ปี
  94. ตัวเตาในบ้านอย่าให้คนนอกบ้านเห็น จะไม่เหลือเงินเก็บ, การตั้งเตาอย่าใกล้สระน้ำ หรือน้ำประปา
  95. หน้าเตาไฟหันไปสู่ทิศตะวันออก หรือทิศตะวันออกเฉียงใต้ ดี เป็นมงคล แต่ถ้าจะให้ดีต้องถูกรหัสราศีทิศของเจ้าของบ้านด้วย
  96. ไม่ควรสร้างเตาในทิศตะวันตกเฉียงใต้ของบ้าน แต่ควรหันหัวเตาให้ถูกโฉลกรหัสราศีของเจ้าของบ้าน
  97. ห้องนั่งเล่นโซฟารูปสามเหลี่ยม ไม่ดี, ข้างบ้านมีเครื่องระบายความร้อนพุ่งมาหาบ้านอีกฝ่ายหนึ่ง ไม่ดี
  98. ต้นไม้ชิดบ้านเกินไปไม่ดี แต่ถ้าห่างประมาณสิบเมตร ดี จะมีผู้สนับสนุน, หลังบ้านมีบ่อน้ำตรงกับเตา ไม่ดี
  99. ห้องนั่งเล่นเป็นหลุมเป็นแอ่งกระทะ ไม่ดี, ท่อน้ำอยู่ใต้เตา ไม่ดี เพราะน้ำกับไฟเป็นศัตรูกัน
  100. การตั้งโต๊ะทำงาน ควรตั้งในมุมทรัพย์ จะร่ำรวยมาก, ถ้าด้านซ้ายมือของบ้านมีสะพาน ให้แก้เคล็ด
  101. ถ้าสุสานอยู่ทางทิศตะวีนออกของบ้าน ให้แก้เคล็ด, หลังบ้านอย่าให้มีรอยแตกร้าว จะเป็นอัปมงคล
  102. หลังคา เพดานบ้าน อย่าให้รั่ว ถ้ารั่วให้รีบซ่อมเสีย ถ้าไม่แก้ไขเงินทองจะเก็บไม่อยู่ ยากจน
  103. ขื่อบ้านถ้าร้าวหักควรรีบแก้ไข เพราะไม่เช่นนั้นในบ้าน จะเกิดขาดผู้ช่วยสนับสนุน เงินทองร่อยหรอลง เจ็บไข้ได้ป่วย
  104. ในบ้านมีหญิงมีครรภ์ ไม่ควรต่อเติมบ้าน หรือย้ายเตียง ถ้าฝืนทำแล้ว หญิงในบ้านอาจแท้งบุตรได้ หรือบุตรคลอดออกมาไม่สมประกอบ
  105. พื้นที่นอกบ้านควรจะต่ำกว่าพื้นในบ้าน จึงเป็นมงคล, ห้ามทำราวตากผ้าผ่านเตาไฟ จะเป็นอัปมงคล
  106. โรงรถควรจะมีความกว้างเสมอกับบ้านอย่าให้ยื่นเกินออกมา
  107. ผู้ที่เกิดราศีทิศตะวันออก ธาตุไม้ ไม่ควรหันหน้าบ้านไปสู่ราศีตะวันตก ธาตุทอง เพราะเป็นศัตรูธาตุ
  108. ผู้ที่เกิดราศีทิศเหนือ ธาตุน้ำ ห้ามหันเข้าสู่ทิศใต้ ธาตุไฟ เพราะเป็นศัตรูธาตุ
  109. ผู้ที่เกิดราสีทิศตะวันตก ห้ามมีหน้าบ้านหันสู่ทิศตะวันออก เพราะเป็นคู่ศัตรูกัน
  110. ผู้ที่เกิดราศีทิศใต้ ธาตุไฟ ห้ามมีหน้าบ้านหันสู่ทิศเหนือ เพราะเป็นทิศคู่ศัตรูกัน
  111. จำนวนห้องที่กั้นในบ้าน ควรกั้นเป็นเลขที่เป็นมงคล คือ 1, 2, 5, 6, 7 ห้องดีเป็นมงคล
  112. ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ไม่ควรสร้างห้องนั่งเล่น จะไม่เป็นมงคล, ห้องนั่งเล่น หรือรับแขกตั้งอยู่กลางบ้าน ถือว่าเป็นมงคล
  113. การสร้างบันไดตรงดิ่งลงมาที่หน้าประตู อยู่กลางบ้าน ถือว่าเป็นมงคล
  114. ตรงกลางบ้านห้ามทำเป็นห้องน้ำ หรือห้องส้วม ทำเป็นห้องนอนดีที่สุด
  115. หน้าต่างมีได้ทุกทิศดีที่สุด แต่หน้าต่างและประตู ควรหลีกเลี่ยงไม่ให้ตรงกัน
  116. วงกบ เสาบ้าน ไม่ควรคดงอ จะทำให้เกิดเรื่องอัปมงคล, หน้าต่างหรือประตูควรจะสร้างกันสาดถึง จึงเจริญรุ่งเรือง
  117. กำแพงบ้านอย่าสูงเกินไป (เกิน 2 เมตร) หรือต่ำเกินไป (1.40 เมตร)
  118. ตำแหน่งกำแพงทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ อย่าให้ชำรุด จะมีเรื่องขึ้นโรงขึ้นศาล
  119. สร้างบ้านไม่ควรสร้างกำแพงหรือภูเขาก่อน จะทำให้ยากจน หรือถูกคุมขัง
  120. กำแพงบ้านไม่ควรเจาะเป็นหน้าต่าง จะไม่เป็นมงคล, กำแพงบ้านสร้างเป็นรูปโค้งดีกว่าสร้างกำแพงเป็นรูปสี่เหลี่ยม
  121. ไม่ควรสร้างกำแพงบ้านให้ชิดบ้านเกินไป, ตัวที่ดิน หรือตัวบ้าน ข้างหน้าแคบข้างหลังกว้างไม่เป็นมงคล
  122. ที่ดินที่เคยมีต้นไม้ใหญ่อยู่หนาแน่น ควรจะขุดรากถอนโคนให้หมดเสียก่อนค่อยปลูกบ้าน
  123. ทิศตะวันออกเฉียงเหนือและทิศตะวันตกเฉียงใต้ของสะพาน จะดีแต่แรก จะแย่ในภายหลัง
  124. ร้านค้าหรือบ้านไม่ควรนำสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้คนภายนอกเห็น เพราะจะมีคนแกล้งเอาของสกปรกมาทำลายสิ่งศักดิ์สิทธิ์
  125. ร้านค้าใดถ้าหากมีสะพานพุ่งตำเข้ามาหา จะเป็นทิศใดก็ตาม ควรประกอบอาชีพประเภท ขายอาวุธ ของมีคม ขายเนื้อ ซึ่งต้องใช้ของมีคมประจำ ถึงจะเจริญรุ่งเรือง
  126. ร้านค้าใดก็ตามควรจะตั้งหน้าบ้านให้ถูกรหัสราศีกับเจ้าของบ้าน และตั้งเตาให้ถูกรหัสราศีของเจ้าของบ้านด้วย